แครอท (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Daucus carota L.)
เป็นพืชในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียกลาง เป็นที่นิยมปลูกและรับประทานทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีหลายขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กเท่าดินสอไปจนถึงขนาดใหญ่ และมีหลากหลายสี เช่น สีเหลือง สีม่วง แต่ที่นิยมรับประทานนั้นจะเป็นแครอทสีส้มและยังจัดเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอีกด้วย เนื่องจากแครอทอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ เช่น เบตาแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และยังมีสารสำคัญคือสาร “ฟอลคารินอล” (falcarinol) ซึ่งช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง เป็นต้น สำหรับประโยชน์ของแครอทนั้นที่เด่น ๆ ก็เห็นจะเป็นการนำมาใช้ประกอบอาหารได้อย่างหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว ทั้งผัด ทอด แกง ต้ม ซุป สลัด ยำ ก็มีแครอทเป็นส่วนประกอบทั้งนั้น และยังมีเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างน้ำแครอทปั่นอีกด้วย ยังไม่หมดเท่านี้สรรพคุณของแครอทที่ใช้เป็นยารักษาโรคก็ใช้รักษาได้อย่างหลากหลายเช่นกัน
ประโยชน์ของแครอทช่วยบำรุงสุขภาพผิวให้สดใสเปล่งปลั่งช่วยป้องกันเซลล์ผิวไม่ให้ถูกทำลายได้ง่ายจากมลภาวะแสงแดดต่าง ๆช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายช่วยบำรุงกระดูก ฟัน เหงือก เล็บ ให้แข็งแรงยิ่งขึ้นมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
ช่วยสร้างสร้างภูมิต้านทานโรคของร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้นช่วยยับยั้งต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูงสรรพคุณแครอทช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบไหลเวียนของเลือดช่วยบำรุงเซลล์ผิวหนังประโยชน์ของแครอท ช่วยบำรุงเส้นผมช่วยลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤษ์ อัมพาต
ช่วยสร้างสร้างภูมิต้านทานโรคของร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้นช่วยยับยั้งต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูงสรรพคุณแครอทช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบไหลเวียนของเลือดช่วยบำรุงเซลล์ผิวหนังประโยชน์ของแครอท ช่วยบำรุงเส้นผมช่วยลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤษ์ อัมพาต
ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคหัวใจและภาวะหัวใจล้มเหลวช่วยบำรุงและรักษาสายตา รักษาโรคตาฟาง และต้อกระจกช่วยรักษาโรคถุงลมโป่งพองและไทยรอยด์เป็นพิษช่วยย่อยอาหาร และช่วยแก้และบรรเทาท้องผูกแครอทมีสรรพคุณใช้เป็นยาขับปัสสาวะใช้เป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือนสรรพคุณของแครอท ช่วยรักษาฝี แผลเน่าต่าง ๆนิยมนำมาประกอบอาหารทั้งคาวและหวานใช้ทำเป็นน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพหรือน้ำแครอท หรือนำมาทำเป็นเค้กแครอทในด้านความงาม นำน้ำแครอทผสมมะนาว ทาผิวหน้าบำรุงผิวพรรณ ลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางบางชนิด เช่น สบู่แครอท เป็นต้น
คุณค่าทางโภชนาการใน 100 กรัม
พลังงาน 41 กิโลแคลอรี่คาร์โบไฮเดรต 9.6 กรัม
น้ำตาล 4.7 กรัม
เส้นใย 2.8 กรัม
ไขมัน 0.24 กรัม
โปรตีน 0.93 กรัม
วิตามินเอ 835 ไมโครกรัม
เบต้าแคโรทีน 8,285 ไมโครกรัม
ประโยชน์ของแครอท
1.ช่วยบำรุงสุขภาพผิวให้สดใสเปล่งปลั่ง2.ช่วยป้องกันเซลล์ผิวไม่ให้ถูกทำลายได้ง่ายจากมลภาวะแสงแดดต่าง ๆ
3.ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย
4.ช่วยบำรุงกระดูก ฟัน เหงือก เล็บ ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
5.มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
6.ช่วยสร้างสร้างภูมิต้านทานโรคของร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
7.ช่วยยับยั้งต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง
8.ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย
9.ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
10.ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
11.ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบไหลเวียนของเลือด
12.ช่วยบำรุงเซลล์ผิวหนัง
13.ช่วยบำรุงเส้นผม
14.ช่วยลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤษ์ อัมพาต
15.ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคหัวใจและภาวะหัวใจล้มเหลว
16.ช่วยบำรุงและรักษาสายตา รักษาโรคตาฟาง และต้อกระจก
17.ช่วยรักษาโรคถุงลมโป่งพองและไทยรอยด์เป็นพิษ
18.ช่วยย่อยอาหาร และช่วยแก้และบรรเทาท้องผูก
19.ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
20.ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือน
21.ช่วยรักษาฝี แผลเน่าต่าง ๆ
22.นำมาประกอบอาหารทั้งคาวและหวาน
23.ใช้ทำเป็นน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพหรือน้ำแครอท หรือนำมาทำเป็นเค้กแครอท
24.น้ำแครอทผสมมะนาว ทาผิวหน้าบำรุงผิวพรรณ ลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
25.ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางบางชนิด เช่น สบู่แครอท
การปลูก
การเตรียมกล้า ปลูกโดยหยอดเมล็ด1.การเตรียมดิน ขุดดินตากแดด และโรยปูนขาวอัตราม 0-100 กรัม/ตร.ม. ไว้อย่างน้อย 14 วัน กำจัดวัชพืช ขึ้นแปลงกว้าง 1 ม.
2.ก่อนปลูกใส่ปุ๋ยสูตร 12-24-12 อัตรา 20-30 กรัม/ตร.ม. ลงในดิน ปรับหน้าแปลงให้เรียบ
3.ขีดร่องลึก 1 ซม. ขวางแปลงห่างกันร่องละ 15 ซม.
4.หยอดเมล็ดที่ละเมล็ดระยะห่าง 1 ซม. กลบเมล็ดแล้วรดน้ำให้ชุ่ม
5.การถอนแยก
ครั่งที่ 1 หลังหยอดเมล็ด 15-20 วัน (มีใบจริง 3-5 ใบ) เหลือระยะปลูก 3 ซม.
ครั้งที่ 2 หลังหยอดเมล็ด30-35 วัน (มีใบจริง 8-9 ใบ) เหลือระยะปลูก 5-8 ใบ
ข้อควรระวัง
1.ช่วงแรกระวังมดคาบเมล็ดหรือแมลงกัดกินเมล็ด
1. การหยอดเมล็ดอย่าให้เมล็ดที่หยอดติดกัน ระยะห่างประมาณ 1 ซม.
2. ควรให้น้ำสม่ำเสมออย่าให้แฉะเกินไป
การดูแลรักษาแครอทในระยะต่างๆของการเจริญเติบโต
การให้น้ำ หลังปลูกรดน้ำให้ชุ่ม และให้น้ำทุกวันสม่ำเสมอ แต่อย่าให้น้ำขัง หัวจะเน่า
การให้ปุ๋ย
1. หลังถอนแยกครั้งที่ 1 ใส่ปุ๋ย 15-15-15 อัตรา 30-50 กรัม/ตร.ม. พร้อมกำจัดวัชพืช
2. หลังการใส่ปุ๋ยครั้งแรก 15-20 วัน ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 ใช้สูตร 13-13-21 อัตรา 30-50 กรัม/ตร.ม. โรยในร่องลึก 2-3 ซม. ระหว่างแถวปลูก
1. หลังถอนแยกครั้งที่ 1 ใส่ปุ๋ย 15-15-15 อัตรา 30-50 กรัม/ตร.ม. พร้อมกำจัดวัชพืช
2. หลังการใส่ปุ๋ยครั้งแรก 15-20 วัน ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 ใช้สูตร 13-13-21 อัตรา 30-50 กรัม/ตร.ม. โรยในร่องลึก 2-3 ซม. ระหว่างแถวปลูก
ข้อควรระวัง
โรคแมลงศัตรูที่สำคัญของแครอทในระยะต่างๆของการเจริญเติบโต
ระยะหยอดเมล็ด-ถอนแยก ครั้งที่ 1 อายุ 15-20 วัน โรคใบจุด, โรคราแป้ง, โรครากปม
ระยะถอนแยก ครั้งที่ 2 อายุ 30-35 วัน โรคใบจุด, โรคราแป้ง, โรครากปม, เสี้ยนดิน
ระยะลงหัว 35-100 วัน โรคใบจุด, โรคราแป้ง, โรครากปม, เสี้ยนดิน, โรคหัวเน่า
ระยะเก็บเกี่ยว 100-120 วัน โรคใบจุด, โรคราแป้ง, โรครากปม, เสี้ยนดิน, โรคหัวเน่า
การเก็บเกี่ยว
1. เมื่อมีอายุได้ 100-120 วัน2. เก็บเกี่ยวโดยการขุดเมื่ออายุและขนาดเหมาะสม
3. ล้างรากให้สะอาด ผึ่งให้แห้งระวังอย่าให้ผิวถลอก
-----------------------------------------------------
https://medthai.com
http://www.legendnews.net
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น