ดอกชมจันทร์ (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ipomoea alba L.)
ดอกชมจันทร์
ไม้เถา ไม่มีขน ลำต้นมียางใส ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปหัวใจ กว้าง 5-13
เซนติเมตร ยาว 8-17 เซนติเมตร ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม โคนใบเว้าลึก
ก้านใบเรียว ยาว 5-18 เซนติเมตร ดอกสีขาว กลิ่นหอม บานตอนเช้าและพลบค่ำ
ออกตามง่ามใบเป็นดอกเดี่ยว ๆ หรือเป็นช่อ 2-5
ดอก เมื่อบานเต็มที่ กว้าง 10-13 เซนติเมตร ก้านช่อดอกยาว 1-20
เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
อาจปลูกโดยการหยอดเมล็ดลงแปลงโดยตรง หรือเพาะเป็นต้นกล้า
ก่อนเพาะนำเมล็ดมาแช่ด้วยน้ำนาน 12 ชั่วโมง
เพื่อให้เปลือกหุ้มเมล็ดอ่อนตัว จะทำให้งอกได้เร็วขึ้น
เนื่องจากเมล็ดดอกชมจันทร์มีเปลือกหุ้มเมล็ดที่แข็ง เมล็ดงอกใช้เวลาประมาณ 7-14
วัน เมื่อต้นกล้าอายุ 30 วัน สามารถปลูกลงแปลงได้
นอกจากการขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดแล้วต้นดอกชมจันทร์ยังสามารถขยายพันธุ์โดยการปักชำส่วนของลำต้น
ซึ่งสามารถขึ้นได้ในดินเกือบทุกชนิดที่มีความร่วนซุย
พื้นที่ปลูกต้องระบายน้ำได้ดี เจริญเติบโตได้ในสภาพกลางแจ้งที่มีแสงแดด
แปลงปลูกอาจจะยกแปลงขึ้นคล้ายกับแปลงผักทั่วไปเพื่อป้องกันน้ำขัง
วิธีปลูกโดยขุดหลุมปลูกลึก 15-20 ซม. รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก 200-500
กรัมต่อหลุม จากนั้นจึงนำต้นกล้าลงปลูก ระยะปลูกที่ใช้คือ ระหว่างต้น 40-50
ซม. และระหว่างแถว 70-100 ซม. ในช่วง 1
เดือนแรก หลังปลูกควรมีการให้น้ำวันละ 2 ครั้ง คือ ตอนเช้าและตอนเย็น
เมื่อต้นสามารถตั้งตัวได้แล้ว จึงให้น้ำวันละครั้ง เมื่อต้นดอกชมจันทร์เริ่มแตกยอดอ่อนควรมีการทำค้างเพื่อให้ต้นเลื้อยขึ้น
โดยทำค้างคล้ายกับค้างถั่วฝักยาวหรือทำเป็นซุ้ม หลังปลูกประมาณ 2-3
เดือน ก็จะเริ่มออกดอก ต้นดอกชมจันทร์มีดอกสีขาวสวยงาม จะบานในเวลาตอนกลางคืน
และมีกลิ่นหอม ในต่างประเทศ เช่น ในยุโรป และสหรัฐอเมริกาปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ
แต่บางพื้นที่ของประเทศไทย เช่น ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เริ่มมีการนำดอกมารับประทานเป็นอาหารโดยใช้ดอกตูมมาผัดกับน้ำมันหอย
หรือลวกจิ้มกับน้ำพริก ผลจากการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของดอกชมจันทร์
พบว่าเป็นผักที่มีไขมันต่ำมากและมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆ
เหมาะแก่ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ยังมีธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส
และยังประกอบด้วยวิตามินต่าง ๆ ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินบี เป็นต้น
ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนของทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้
มีการแพร่กระจายอย่างกว้างขวาง สามารถพบได้ทั้งในเขตอบอุ่นและเขตร้อนของอเมริกา
ประเทศออสเตรเลีย และกลุ่มประเทศเขตร้อนของทวีปเอเชีย ในต่างประเทศเช่น อเมริกา
และยุโรป จะปลูกเป็นไม้ประดับ แต่บางพื้นที่ของประเทศไทย เช่นภาคใต้ และภาคอีสาน
ได้เริ่มมีการนำดอกมารับประทานเป็นอาหาร โดยนำดอกตูมมาผัดกับน้ำมันหอย หรือ
นำมาลวกเพื่อจิ้มกับน้ำพริกรับประทาน
คุณค่าทางโภชนาการใน 100 กรัม
พลังงาน 34.91 กิโลแคลอรีวิตามินบี 1 0.04 มิลลิกรัม
แคลเซียม 22.74 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.05 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 34.42 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 1.25 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 0.05 มิลลิกรัม
วิตามินซี 0.09 มิลลิกรัม
วิตามินเอ 136.11 มิลลิกรัม
โคเอนไซม์คิว 0.28 มิลลิกรัม
ประโยชน์
1.มีสารต้านอนุมูลอิสระ
2.เป็นยาระบายอ่อนๆ มีไขมันต่ำ
3.ช่วยบำรุงสมอง
4.เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย และป้องกันมะเร็ง
5.แก้ร้อนใน
6.บำรุงเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันโรคดีซ่าน
7.ขับปัสสาวะ
8.บรรเทาริดสีดวงทวาร
9.สามารถช่วยบำรุงระบบประสาท ทำให้ผ่อนคลาย มีฤทธิ์เป็นยานอนหลับอ่อนๆ(เกสร)
2.เป็นยาระบายอ่อนๆ มีไขมันต่ำ
3.ช่วยบำรุงสมอง
4.เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย และป้องกันมะเร็ง
5.แก้ร้อนใน
6.บำรุงเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันโรคดีซ่าน
7.ขับปัสสาวะ
8.บรรเทาริดสีดวงทวาร
9.สามารถช่วยบำรุงระบบประสาท ทำให้ผ่อนคลาย มีฤทธิ์เป็นยานอนหลับอ่อนๆ(เกสร)
วิธีการขยายพันธุ์
ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด อาจปลูกโดยการหยอดเมล็ดลงแปลงโดยตรง
หรือเพาะเมล็ดเป็นต้นกล้า ก่อนเพาะเมล็ดมาแช่น้ำนาน 12
ชั่วโมง เพื่อให้เปลือกหุ้มเมล็ดอ่อนตัว จะทำให้งอกได้เร็วงอกได้เร็วขึ้น
โดยใช้เวลานานประมาณ 7-14 วัน เมื่อต้นกล้าอายุ 30
วันสามารถปลูกลงแปลงได้ นอกจากการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดแล้ว ยังสามารถขยายพันธุ์โดยการปักชำส่วนของลำต้นได้เช่นกัน
วิธีการปลูก
ต้นชมจันทร์สามารถขึ้นได้ในดินเกือบทุกชนิดที่มีความร่วนซุย
พื้นที่ต้องระบายได้ดี เจริญเติบโตได้ในสภาพกลางแจ้งที่มีแสงแดด
แปลงปลูกอาจยกแปลงผักทั่วไปเพื่อป้องกันน้ำขัง ส่วนวิธีปลูกมีดังนี้
1. ขุดหลุมปลูกลึก 15-20
เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก 200-500 กรัม/หลุม
2. นำต้นกล้าลงปลูก
ระหว่างต้น 40-50 เซนติเมตร และระหว่างแถว 70-100
เซนติเมตร
3. ในช่วง
1 เดือนแรกหลังปลูก ควรมีการให้น้ำวันละ 2
ครั้ง คือ ตอนเช้าและตอนเย็น เมื่อต้นสามารถตั้งตัวได้แล้ว จึงให้น้ำวันละครั้ง
4. เมื่อต้นดอกชมจันทร์เริ่มแตกยอด
ควรมีการทำค้าง คล้ายกับค้างถั่วฝักยาว หรือทำเป็นซุ้ม โดยหลังปลูกประมาณ 2-3
เดือนก็จะเริ่มออกดอก
-------------------------------------------------------------
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://hilight.kapook.com
http://lifestyle-i-know.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น